วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ปลากราย ปลาตองกราย ปลาหางแพน


ภาพโดย นนณ์ ผานิตยวงศ์
ปลากราย Chitala ornata 
ชื่อวิทยาศาสตร์  Chitala ornata (Gray, 1831)
ชื่อสามัญ Clown featherback
ชื่อท้องถิ่น ปลาตองกราย (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ปลาหางแพน (ภาคเหนือ)

   ปลากราย หรือปลาตอง มีลักษณะปากกว้างมาก มุมปากอยู่เลยของหลังลูกตา ในตัวเต็มวัยส่วนหน้าผากจะหักโค้ง ส่วนหลังโก่งสูง ในปลาวัยอ่อนมีสีเป็นลายเสือคล้ายปลาสลาด แต่จะเปลี่ยนเป็นสีเทาเงินและมีจุดกลมใหญ่สีดำขอบขาวที่ฐานครีบก้นตั้งแต่ 3 - 20 ดวง มักอาศัยในบริเวณที่มีกิ่งไม้ใต้น้ำหรือพืชน้ำค่อนข้างหนาแน่น อยู่รวมกันเป็นฝูงเล็ก จับปลาซิวและปลาแปบกินเป็นอาหาร พบในแม่น้ำและหนองบึงขนาดใหญ่ ตั้งแต่แม่น้ำกลองจนถึงแม่น้ำโขง ปัจจุบันพบน้อยลงมาก แต่บางแห่ง เช่น บึงบอระเพ็ด ยังมีอยู่มาก
   เนื้อปลากรายเป็นเนื้อที่มีความเหนียว เป็นวัตถุดิบชั้นหนึ่งสำหรับประกอบทอดมันปลา ห่อหมก ลูกชิ้นปลากราย นอกจากนี้ยังนิยมนำมาทำลาบปลากรายหรือชาวอีสานเรียกว่า ลาบปลาตอง ซึ่งมีส่วนผสมเหมือนกับลาบทั่วไปๆ แต่ต่างกันตรงที่กรรมวิธีการทำเท่านั้น โดยจะนำปลากรายมาแล่เป็นชิ้นติดหนัง จากนั้นขูดเอาแต่เนื้อมาโขลกหรือให้เหนียว จากนั้นใช้น้ำต้มก้างและหนังปลาที่ต้มกับน้ำปลาร้า ค่อยๆผสมและคนให้เข้ากันจนเหนียวได้ที่จึงใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไป สามารถรับประทานได้ทั้งแบบดิบและสุก

     ลักษณะทั่วไป ปลากรายมีลักษณะลำตัวยาวบาง แบนข้าง ส่วนหัวมีขนาดเล็กเว้าเป็นสันโค้งและแยกออกจากลำตัวเห็นชัดเจนเหนือครีบก้นจะมีจุดสีดำค่อนข้างใหญ่ ประมาณ 5 – 10 จุดเรียงเป็นแถว สีของลำตัวเป็นสีขาวเงิน
   ส่วนหลังมีสีคล้ำกว่าส่วนท้อง ขนาดของปลากราย ที่พบส่วนใหญ่ยาวประมาณ70–75 เซนติเมตร
ส่วนลูกปลาที่มีขนาดไม่เกิน9 เซนติเมตร ปลากรายใหญ่สุดที่พบคือ 1 เมตร หนัดถึง 15 ก.ก.จะมีลายสีเทาดำ ประมาณ 10–15 แถบ พาดขวางลำตัว เมื่ออายุประมาณ 80 วันลายจะเลือนหายไปและกลายเป็นจุดสีดำแทน เกล็ดมีขนาดเล็กละเอียด ครีบต่างๆ ทุกครีบเป็นก้านครีบอ่อนทั้งหมด ครีบท้องเล็กมาก
ครีบก้นและครีบหางเชื่อมติดกันรวมเป็นครีบเดียวกัน มีก้านครีบประมาณ 110-135 อัน ครีบหลังเล็ก มีก้านครีบ 8-9 อัน ตั้งอยู่กึ่งกลางหลังลักษณะคล้ายขนนกเสียบอยู่ ครีบอก มีก้านครีบ 15-16 อัน
ครีบท้อง มีก้านครีบ 6 อัน บริเวณสันท้องมีหนามคล้ายฟันเลื่อย 2 แถว จำนวนประมาณ 37-45 คู่


ภาพ ปลากรายเผือก (Albino) ที่มา www.siamensis.org
   การแพร่กระจายพันธุ์ ปลากรายเป็นปลาน้ำจืดที่พบมากในประเทศไทย อินโดนีเซีย อินเดีย มาเลเซียและพม่า ในประเทศไทยพบอาศัยในแม่น้ำลำคลอง หนองและบึงทั่วประเทศ ยกเว้นภาคใต้ 
อาหาร อาหารปลากรายตามธรรมชาติเช่น ตัวอ่อนของแมลง กุ้ง ลูกปลาขนาดเล็กและสัตว์น้ำอื่นๆ

   ปัจจุบันวงการปลาสวยงามหันมาสนใจปลากรายมากขึ้น ส่วนมากจะจับมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติตามแม่น้ำ ลำคลอง หนอง บึงขนาดใหญ่ ปลากรายมักจะมีชุกชุมในแหล่งน้ำนิ่งๆ เมื่อผสมพันธุ์วางไข่แม่ปลากรายจะวางไข่ติดกับเสา หลัก ตอไม้น้ำ หรือก้อนหินในน้ำ วางไข่แล้วพ่อแม่ปลาจะช่วยกันดูแลไข่ด้วยความหวงแหน ปลากรายระยะนี้ค่อนข้างดุร้ายคอยโบกแพนหางเฝ้าไข่ไม่ยอมให้ศัตรูเข้าใกล้ ปลากรายเมื่อมีอายุมากๆ จะมีลำตัวยาวเกือบๆ เมตร แต่เดิมจะถูกจับขึ้นมาเพื่อปรุงเป็นอาหาร ขูดเนื้อทำลูกชิ้นหรือทอดมัน แต่ปัจจุบันนำมาขายกันเป็นปลาสวยงามซึ่งสามารถเลี้ยงให้คุ้นเคยและสวยงามดี




   การสืบพันธุ์ ลักษณะภายนอกของปลากรายเพศผู้และเพศเมียที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ได้แก่ ความยาวของครีบท้อง
   โดยที่ปลาเพศผู้มีครีบท้องยาวกว่าปลาเพศเมีย ฤดูวางไข่ของปลากรายอยู่ในช่วงเดือน มีนาคม – ตุลาคม ของทุกปี โดยรังไข่เพียงข้างเดียวของเพศเมีย(ที่มีอยู่สองข้าง)จะมีการพัฒนาเพื่อสร้างไข่ในหนึ่งฤดู รังไข่ทั้งสองข้างจะสลับกันสร้างไข่จากปีหนึ่งไปยังอีกปีหนึ่ง เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ปลาจะเริ่มจับคู่กันและปลาเพศผู้ทำการขุดดินรอบ ๆ
วัสดุที่ทำการวางไข่ให้เป็นหลุม จากนั้นปลาเพศเมียวางไข่ ซึ่งไข่ติดกับวัสดุ เช่น ตอไม้ รากไม้ ท่อปูน ฯลฯ


   ปลาเพศผู้เป็นฝ่ายดูแลไข่โดยใช้หางโบกไปมาพัดเพื่อให้ออกซิเจนและป้องกันไม่ให้ตะกอนเกาะติดไข่ ไข่ปลากรายที่ได้รับการผสมจะมีสีเหลืองอ่อนใส มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.0 มิลลิเมตร  และฟักออกเป็นตัวภายในเวลา 6 – 7 วัน ที่อุณหภูมิน้ำ 26-32 องศาเซลเซียส แม่ปลามีความสามารถวางไข่ได้เฉลี่ยปีละ 6.0 ครั้ง พบแม่ปลาวางไข่สูงสุดในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม จำนวนไข่เฉลี่ยครั้งละ 1,044 ฟอง อัตราการปฏิสนธิประมาณ 75% อัตราการฟักเป็นตัว 70% อัตราการรอดตาย 92% เหลือลูกปลาวัยอ่อนอายุ 5 วันเฉลี่ย 514 ตัว คิดเป็น 3,084 ตัว/แม่/ปี


ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ:

th.wikipedia.org 
mornorfishclub.com
www.fishing108.com
กรมประมง


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

 

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม